วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

jQuery Ajax คืออะไร

jQuery Ajax  คืออะไร 
    การตอบคำถามนี้ก็คงไม่ยากนัก เรียกว่าใครเข้าใจเรื่อง ajax  มาแล้วก็ไม่ต้องอ่านเลยก็ว่าได้  jquery ajax ก็คือ ajax ที่ถูกเขียนขึ้นมาภายใต้ jquery เท่านั้นเอง ดังนั้น

jQuery ajax

   jQuery Ajax  คือการใช้คำสั่งของ jQuery ติดต่อกับ Server เพื่อรับข้อมูลจาก Server โดยไม่ต้องมีการรีเฟชหน้าเว็บไซต์ การใช้ Ajax ทำให้เราสามารถลดการโหลดข้อมูลจาก Server ได้มาก เนื่องจากเราสามารถโหลดข้อมูลใหม่บางจุดที่เราต้องการ โดยไม่ต้องโหลดทั้งหน้าเพจ 

  jQeury Ajax มีคำสั่งที่ใช้กันอยู่บ่อย ๆ ไม่มากนัก อีกทั้งวิธีการเขียนและเรียนรู้ก็ง่ายเหลือเกิน โดยปกติแล้วเราจะใช้คำสั่งของ jQuery Ajax ดังต่อไปนี้
 - jquery.post()
 - jquery.get()
 - .load()
 - jquery.ajax()

หลักการทำงานอย่างง่าย ๆ 
    Jquery script -->  Server Script --> web browser

ดังนั้นการจะเขียน jquery ajax ได้สิ่งที่ต้องมีคือ
1.    jquery ajax script   ไฟล์ jquery script  ที่เขียนฟังก์ชัน  jquery ajax 
2.    Server script  ไฟล์ประมวลผลที่ Server อาจเป็น php , jsp , aps, .net หรืออื่น ๆ และส่งกลับไปให้ jquery ajax อีกที

     หลัก ๆ อย่างง่าย ๆ ก็มีเพียงแค่นี้ ก็จะสามารถเขียน jquery ajax ได้สบายแหละ  ส่วนทฤษฏีอื่น ๆ เกี่ยวกับ ajax สามารถหาอ่านได้ตาม google เอานะครับ ถ้าอยากอ่านทฤษฏีแบบตามหลักวิชาการ ส่วนผมจะอธิบายการเขียน และใช้งานก็แล้วกัน 

By. http://www.worldphp.com/

เอแจ็กซ์ คืออะไรอยากรู้ กดจ๋าาา

เอแจ็กซ์ (อังกฤษ: AJAX: Asynchronous JavaScript and XML /ˈeɪdʒæks/) เป็นกลุ่มของเทคนิคในการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันเพื่อให้ความสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ดีขึ้น โดยการรับส่งข้อมูลในฉากหลัง ทำให้ทั้งหน้าไม่ต้องโหลดใหม่ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งช่วยทำให้เพิ่มการตอบสนอง ความรวดเร็ว และการใช้งานโดยรวม
เอแจ็กซ์นั้นไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แต่เป็นเทคนิคที่ได้ใช้เทคโนโลยีหลายอย่างที่มีอยู่แล้วรวมกันดังต่อไปนี้:
  • XHTML (หรือ HTML) และ CSS ใช้ในการแสดงผลลัพธ์และรูปแบบข้อมูล
  • ECMAScript เช่นจาวาสคริปต์ ในการเข้าถึง Document Object Model (DOM) เพื่อใช้ในการแสดงข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือโต้ตอบกับผู้ใช้
  • XMLHttpRequest ใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล asynchronously กับเว็บเซิร์ฟเวอร์
  • XML ใช้เป็นรูปแบบข้อมูลในการแลกเปลี่ยน ซึ่งรูปแบบอื่นก็สามารถใช้ได้เช่นกันไม่ว่าจะเป็น HTML, JSON, EBML, หรือ เพลนเท็กซ์

ประวัติ

Jeese Jams Garett นั้นเป็นผู้ที่ได้บัญญัติคำว่า เอแจ็กซ์ ขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2548 ซึ่งนึกขึ้นได้ระหว่างที่เขากำลังอาบน้ำ เพื่อหาคำสั้นๆ สำหรับอธิบายให้ลูกค้าของเขาทราบเกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ ที่ต้องการจะนำเสนอ
เอแจ็กซ์โดยตัวมันเองแล้วไม่ได้เป็นเทคโนโลยีหรือภาษาโปรแกรมชนิดใหม่ แต่เป็นการรวมกลุ่มของเทคโนโลยีที่มีใชัอยู่แล้วดังที่กล่าวข้างต้น โดยวิวัฒนาการของเอแจ็กซ์เริ่มต้นเมื่อปีค.ศ. 2002 ไมโครซอฟท์ได้ทำการคิดค้น XMLHttpRequest ขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกในการเขียนโปรแกรมบนเว็บเพจ เพื่อใช้ติดต่อกับ เว็บเซิร์ฟเวอร์ ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ซึ่งในขณะนั้นมีแต่เพียง อินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ เท่านั้นที่มีความสามารถนี้ ต่อมาเว็บเบราว์เซอร์อื่นๆ เช่นจาก มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์ ได้นำแนวคิดของ XMLHttpRequest ไปใส่ในเบราว์เซอร์ของตนด้วย จึงเริ่มทำให้มีการใช้อย่างกว้างขวางขึ้น จนปัจจุบันได้กลายเป็นมาตรฐานที่ทุกเว็บเบราว์เซอร์ต้องมี
ในตอนแรกนั้นไมโครซอฟท์เป็นผู้ที่ได้นำ XMLHttpRequest โดยใช้ใน Outlook Web Access ที่มาพร้อมกับ Microsoft Exchange Server 2000 ต่อมาเว็บไซต์อย่างกูเกิล ได้เปิดบริการใหม่ชื่อจีเมล ซึ่งใช้ XMLHttpRequest เป็นหัวใจหลักในการดึงข้อมูลจากเว็บเซิร์ฟเวอร์ จึงทำให้แนวคิดและเทคนิคการพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันด้วย เอแจ็กซ์ เริ่มเป็นที่รู้จักกันกว้างขวางขึ้น จนปัจจุบันถือว่าเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของแนวคิดเรื่อง Web 2.0

หลักการทำงาน

วิธีการทำงานของเว็บแอปพลิเคชันแบบดังเดิมนั้น โดยปกติแล้วเมื่อผู้ใช้ทำการร้องขอข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ ตัวเว็บเบราว์เซอร์จะทำการส่งข้อมูลการร้องขอโดยใช้โพรโทคอล HTTP เพื่อติดต่อกับเว็บเซิร์ฟเวอร์ และที่เว็บเซิร์ฟเวอร์จะทำการประมวลผลจากการร้องขอที่ได้รับ และส่งผลลัพธ์เป็นหน้า HTML กลับไปให้ผู้ใช้ วิธีการข้างต้นเป็นวิธีการแบบการร้องขอและการตอบรับ (Request and Response) ซึ่งผู้ใช้จะต้องรอระหว่างที่เซิร์ฟเวอร์ประมวลผลอยู่ ซึ่งเป็นหลักการทำงานแบบ Synchronous แต่การทำงานของเว็บแอปพลิเคชันที่ใช้เทคนิคเอแจ็กซ์จะเป็นการทำงานแบบ Asynchronous หรือการติดต่อสื่อสารแบบไม่ต่อเนื่อง โดยเซิร์ฟเวอร์จะทำการส่งผลลัพธ์เป็นเว็บเพจให้ผู้ใช้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้ประมวลผลเสร็จก่อน หลังจากนั้นเว็บเพจที่ผู้ใช้ได้รับจะทำการดึงข้อมูลในส่วนต่างๆทีหลัง หรือจะดึงข้อมูลก็ต่อเมื่อผู้ใช้ต้องการเท่านั้น (ทำงานอยู่เบื้องหลัง)

ข้อดีของเอแจ็กซ์

สามารถประมวลผลได้เร็ว เรียกดูข้อมูลได้ทันที โดยไม่ต้องรีเฟรชหน้านั้นๆ

ขนาดการรับส่งข้อมูล

เทคนิคเอแจ็กซ์นั้นสามารถสร้าง HTML ได้ในเครื่องผู้ใช้ ทำให้ขนาดข้อมูลนั้นเล็กลงในครั้งต่อๆไป เพราะสามารถส่งเพียงข้อมูล และคำสั่งจาวาสคริปต์ลงมาเฉพาะส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลง แทนที่จะต้องส่งข้อมูลใหม่หมดมาทั้งหน้า. ซึ่งทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการออกแบบของเว็บแอปพลิเคชันนั้นๆ

ความรวดเร็วในการตอบสนอง

เนื่องจากการใช้เทคนิค เอแจ็กซ์นั้นทำให้การเปลี่ยนแปลงต่างๆ เช่นการแก้ไข เพิ่มเติม ลบทิ้งรายการข้อมูล หรือการดึงข้อมูลที่ต้องการจะค้นหานั้น สามารถทำได้ในฉากหลัง ทำให้ผู้ใช้รู้สึกการตอบสนองนั้น คล้ายคลึงกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ มากกว่าเว็บปกติที่ต้องรอโหลดใหม่ทั้งหน้าสำหรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ

By. http://www.dekdev.com/

What is jQuery เจคิวรี่ คืออะไร ?

What is jQuery เจคิวรี่ คืออะไร ?

คงมีอีกหลาย ต่อหลายคนที่ยังสงสัยว่า jQuery มันคืออะไร? ก็เลยปักหัวข้อนี้เอาไว้ก่อนเลย เวลาคนที่เข้ามาจากทาง Google และกำลังหาคำตอบจากคำว่า jQuery คืออะไร หรือ What is jQuery ? ก็จะได้เข้ามาอ่านกันตรงนี้ได้เลย จะได้หายสังสัยกันไปเลย
ถ้าเพื่อนๆรู้จักภาษา JavaScript ก็คงจะเข้าใจเรื่องนี้ได้ง่ายมาก แต่ถ้าคนที่ยังไม่รู้ว่า JavaScript คืออะไร อันนี้ต้องคุยกันยาวเลย ผมขอข้ามไปก่อนก็แล้วกันนะครับ ผมคิดว่าคนที่ Search คำว่า jQuery ใน Google  นั้นอย่างน้อยจะต้องรู้จักกับภาษา JavaScript แน่นอน (บทความนี้จะยาวนิดหนึ่ง กดอ่านเพิ่มเติมที่  “Continue Reading” ด้านล่างนี้ได้เลยครับ)
ภาษา JavaScript นั้นเกิดมานานพร้อมๆกับยุคแรกๆของ Internet แล้วละครับ เพื่อใช้ในการจัดการด้าน Client หรือการทำงานทางด้าน Browser นั้นเอง เราสามารถที่จะเขียนให้ Browser มันทำงานตามที่เราต้องการได้ สาเหตุที่ทำไมต้องเขียนโปรแกรมทางฝั่ง Browser ด้วยละ นั้นก็เพราะว่า พวกโปรแกรมทางด้าน Server Side นั้นไม่สามารถที่จะสั่งงาน Browser ได้โดยตรงครับ
ทำได้เพียงส่ง Script กลับมาให้ Browser ประมวลผล มันก็เลยถูกเรียกว่า ภาษา Script นั้นเอง เช่นเวลาคนเปิดเว็บอะไรสักเว็บหนึ่ง โปรแกรมทางด้าน Web Server มันก็จะส่ง Code HTML และ JavaScript นั้นกลับมาให้กับ Browser ของเรา จากนั้น Browser ของเรามันก็จะทำการประมวลผลครับ ถ้าเป็น Code HTML เราก็จะเรียกมันว่าการ Render หรือวาดภาพต่างๆที่เขียนจาก HTML อย่างเช่นแสดงรูปภาพ แสดงปุ่ม หรือ ตัวหนังสือต่างๆ ส่วนการจัดการแสดงผลเช่นสีหรือขนาด เราก็ใช้ Style Sheet จัดการอีกที
ตัวอย่าง Code HTML และ JavaScript ที่ Browser ของเราได้รับมา
พอ Browser ได้รับ Code จาก Web Server มาแล้วตามตัวอย่างด้านบน ก็ทำการประมวลผล พวก  HTML ธรรมดา ก็แสดงผลไปตามปกติ แต่พออ่านมาถึงบรรทัดของ JavaScript มันก็จะทำตามคำสั่งนั้น จากตัวอย่างเป็นการประกาศ Function init ขึ้นมา ตัว Browser มันก็เก็บลง Memory เอาไว้ว่ามี Function init() เอาไว้ให้เรียกใช้ได้นะ ส่วนจะเรียกใช้ตอนนั้นก็แล้วแต่เราจะเขียน ในตัวอย่างนี้ผมเขียนให้มันเรียกใช้ที่ Event onLoad ก็คือหลังจากที่ Browser มันโหลด DOM เสร็จแล้ว (ไม่รวมการโหลดรูปภาพจาก Tag IMG) มันก็จะทำการ เรียกใช้ Function init() ที่เราเขียนเอาไว้ขึ้นมาทันที ก็จะแสดง Popup ขึ้นมาครับ
ภาษา JavaScript นั้นเราจะต้องเขียนกันยืดยาวมาก และต้องรู้ทั้ง Event และสิ่งต่างๆอีกมากมายถึงจะสามารถเขียนได้ครบถ้วนกระบวนความ (ว่าไปนั้น) มันก็เลยเกิดคำถามขึ้นมาในหัวของ Developer ท่านหนึ่ง ว่า แล้วทำไมเราจะต้องเขียนอะไรที่มันยาวๆ แถมบางอันก็เขียนเหมือนเดิมด้วย ก็เลยเกิดไอเดียในการที่จะย่อทั้งคำสั่ง และ การใช้งานที่ง่ายขึ้นกว่าเดิม ไม่ต้องไปจำคำสั่งยากๆ เอาง่ายๆก็ทำงานได้แล้ว เช่น
แค่บรรทัดแรกเนี่ย ถ้าเขียนด้วย JavaScript เราจะเขียนกันได้ยืดยาวและยุ่งยากมากกกก แต่ jQuery JavaScript Framework ก็ช่วยทำให้ชีวิตเรานั้นง่ายขึ้น แค่เราจับ Object ที่เราต้องการจะทำงานกับมัน แล้วเอาไปต่อด้วย Function ต่างๆ มันก็สามารถที่จะทำงานได้ด้วยตัวของมันเอง จบและง่ายมาก
ส่วนที่ว่ามันจะง่ายแค่ใหน สั้นแค่ใหน ทำให้ชีวิตดีขึ้นแค่ใหนนั้น ผมว่าเพื่อนๆไปโหลดมาลองเล่น แล้วอ่านบทความในเว็บ jQuery.in.th นี้จะดีกว่า ลงมือทดลองกันไปเลย ง่ายๆเขื่อผม ^-^
By. http://www.jquery.in.th/

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ JavaScript

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ JavaScript

JavaScript เป็นภาษาที่เป็น Script ที่อยู่ในเว็บไซต์ (ใช่ร่วมกับ HTML) เพื่อให้เว็บไซต์ของเราดูมีการเคลื่อนไหว สามารถตอบสนองผู้ใช้งานได้มากขึ้น ยกตัวอย่าง Hellomyweb.com ตรงเมนูด้านซ้ายมือจะเห็นว่าสามารถคลิกเพื่อดูหัวข้อภายในได้ และสามารถคลิกที่ลูกศรสีเขียวเพื่อปิดดูทั้งหมด และลูกศรสีแดงเพื่อเปิดทั้งหมด ข้อดีของ Javascript คือสามารถทำให้ผู้ใช้งานใช้เว็บไซต์ของเราได้ง่ายขึ้น รวมถึงดึงดูดความสนใจของผู้ใช้งานได้อีกด้วย ปัจจุบันนี้ Javascript นั้นเป็นมาตราฐานที่อยู่ใน W3C จึงมั่นใจได้ว่าทุกๆ Web browser รองรับการทำงานของ Javascript แน่นอน 
เนื้อหาเบื้องต้นที่ผู้ใช้ต้องเข้าใจมาก่อนล่วงหน้าคือ HTML เพื่อให้สามารถทำความเข้าใช้ในเนื้อหาเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น 

ก่อนจะเข้าเรื่องขอแนะนำตัว Javascipt กันก่อนดังนี้ 
  • JavaScript นั้นออกแบบให้ใช้งานร่วมกับ HTML นั่นคือต้องอยู่รวมไปกับ HTML Code
  • JavaScript เป็น script language ทำให้ผู้ใช้งานใช้งานได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานโปรแกรมมากนัก
  • JavaScript เป็นภาษาที่ใช้ทรัพยากรณ์เครื่องน้อยมาก (Javascript นั้นจะประมวลผลที่ฝั่งของเครื่องผู้ใช้ทำให้ไม่เป็นภาระกับเครื่องมากนักเมื่อเทียบกับ Flash
  • JavaScript ฟรีใครๆก็สามารถใช้งานได้

Java กับ Javascript แต่ต่างกันนะครับ หลายๆคนมักคิดว่าเป็นตัวเดียวกัน แต่จริงๆแล้วแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งความซับซ้อนของภาษา การใช้งาน ประสิทธิภาพ รวมถึงผู้พัฒนา โดย Java นั้นพัฒนาโดย Sun ซึ่งตอนนี้โดย Oracle ซื้อไปเรียบร้อยแล้ว ส่วน JavaScript นั้นพัฒนาโดยทีมงาน Netscape (Mozilla Foundation) ผู้พัฒนา Firefox Web browser ให้เราได้ใช้กันฟรีๆ แถมคุณภาพคับแก้ว 

JavaScript ทำอะไรได้บ้าง
  • JavaScript ทำให้สามารถใช้เขียนโปรแกรมแบบง่ายๆได้ โดยไม่ต้องพึ่งภาษาอื่น เช่น PHP เน้นว่าแบบง่ายๆ โดยส่วนใหญ่จะเป็นรูปแบบของการแสดงผลมากกว่า
  • JavaScript มีคำสั่งที่ตอบสนองกับผู้ใช้งาน เช่นเมื่อผู้ใช้คลิกที่ปุ่ม หรือ Checkbox ก็สามารถสั่งให้เปิดหน้าใหม่ได้ ทำให้เว็บไซต์ของเรามีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้งานมากขึ้น นี่คือข้อดีของ JavaScript เลยก็ว่าได้ที่ทำให้เว็บไซต์ดังๆทั้งหลายเช่น Google Map ต่างหันมาใช้
  • JavaScript สามารถเขียนหรือเปลี่ยนแปลง HTML Element ได้นั่นคือสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแสดงผลของเว็บไซต์ได้นั่นเอง สั่งเกตจากเมนูต่างๆใน Hellomyweb.com สาารถเลื่อนขึ้นลงได้ หรือหน้าแสดงเนื้อหาสามารถซ่อนหรือแสดงเนื้อหาได้แบบง่ายๆนั่นเอง
  • JavaScript สามารถใช้ตรวจสอบข้อมูลได้ สังเกตว่าเมื่อเรากรอกข้อมูลบางเว็บไซต์ เช่น Email เมื่อเรากรอกข้อมูลผิดจะมีหน้าต่างฟ้องขึ้นมาว่าเรากรอกผิด หรือลิมกรอกอะไรบางอย่าง ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดใช้ JavaScript ตรวจสอบ
  • JavaScript สามารถใช้ในการตรวจสอบผู้ใช้ได้เช่น ตรวจสอบว่าผู้ใช้ใช้ Web browser อะไร
  • JavaScript สร้าง Cookies (เก็บข้อมูลของผู้ใช้ในคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้เอง) ได้

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเนื้อหาแบบรวมๆของ JavaScript นะครับหากมีคำถามหรือข้อสงสัยสามารถตั้งกระทู้ถามในเว็บบอร์ดได้ครับ ในหัวข้อต่อไปเราจะเริ่มหัดเขียน JavaScript กันแบบง่ายๆครับ

By. http://www.hellomyweb.com/

Apache คืออะไร

Apache คืออะไร
      Apache คือ Web server พัฒนามาจาก  HTTPD Web Server โดยเจ้า Apache นี้จะทำหน้าที่ในการจัดเก็บ Homepage และส่ง Homepage ไปยัง Browser ที่มีการเรียกเข้า ยัง Web server ที่เก็บ HomePage นั้นอยู่ ซึ่งปัจจุบันจัดได้ว่าเป็น web server ที่มี ความน่าเชื่อถือมาก เนื่องจากเป็นที่นิยมใช้กันทั่วโลก อีกทั้งอาปาเช่ยังเป็นซอฟต์แวร์ แบบ โอเพ่นซอร์ส ที่เปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาร่วมพัฒนาส่วนต่างๆ ของอาปาเช่ได้ ซึ่งทำให้เกิดเป็น โมดูล ที่เกิดประโยชน์มากมาย เช่น mod_perl,mod_python หรือ mod_php และทำงานร่วมกับภาษาอื่นได้ แทนที่จะเป็นเพียงเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการเพียงแค่ HTML อย่างเดียว โดยสามารถหา Download ได้จาก website www.apache.org
      นอกจากนี้อาปาเช่เองยังมีความสามารถอื่นๆ ด้วย เช่น การยืนยันตัวบุคคล (mod_auth,mod_access, mod_digest) หรือเพิ่มความปลอดภัยในการสื่อสารผ่าน โปรโตคอล https (mod_ssl) และยังมีโมดูลอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมใช้ เช่น mod_vhost ทำให้สามารถสร้างโฮสท์เสมือน ภายในเครื่องเดียวกันได้ หรือ mod_rewrite ซึ่งเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ url ของเว็บนั้นอ่านง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น จากเดิมต้องอ้างถึงเว็บไซต์แห่งหนึ่งด้วยการพิมพ์ http://mydomain.com/board/quiestion.php?qid=2xDffw&action=show&ttl=1187400 แต่หลังจากใช้ mod_rewrite จะทำให้สั้นลงกลายเป็น http://mydomain.com/board/question/how_to_edit_wikipedia_content.html  ซึ่งที่อยู่เหล่านี้จะขึ้นอยู่กับว่าผู้ดูแลเว็บไซต์ ว่าต้องการให้อยู่ในลักษณะใด

By. http://www.mindphp.com/

การติดตั้งใช้งาน XAMPP

XAMPP เป็นโปรแกรมที่ใช้จำลองเครื่องพีซีให้เป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์สำหรับทดสอบเขียน สคริปต์ภาษา PHP ร่วมกับฐานข้อมูล MySQL ภายหลังการติดตั้งโปรแกรมผู้ใช้งานสามารถลงมือเขียนโปรแกรมได้ทันที ข้อดีของโปรแกรม XAMPP อยู่ที่มีเมนูควบคุมใช้งานที่ค่อนข้างเป็นมิตรกับผู้ใช้ ผู้ใช้งานสามารถควบคุมรายละเอียดต่างๆ ได้ที่จุดๆ เดียวลักษณะ One Stop Service สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์http://www.apachefriends.org/en/xampp.html




โปรแกรมย่อยที่ได้หลังการติดตั้ง XAMPP
- Apache (http://httpd.apache.org) โปรแกรมเว็บเซร์ฟเวอร์
- PHP (www.php.net) โปรแกรมแปลภาษาพีเฮสพี
- MySQL (www.mysql.com) โปรแกรมฐานข้อมูลมายเอสคิวแอล
- phpMyAdmin (www.phpmyadmin.net) โปรแกรมจัดการฐานข้อมูลมายเอสคิวแอล
- SQLite (www.sqlite.org) เป็นระบบจัดการฐานข้อมูลขนาดเล็ก เหมาะสำหรับทดสอบใช้งานแบบ stand alone
- FileZilla FTP Server (filezilla-project.org) เป็นโปรแกรมใช้ทำ FTP Server
- Mercury Mail Transport System (www.mercurymail.com) เป็นโปรแกรม Web-besed email

By. http://www.siamwebcity.com/